วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประวัติของกีฬาวอลเลย์บอลสากล





กีฬาวอลเลย์บอลเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1895 โดยนายวิล เลียม จี มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. เมืองฮอลโยค มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้คิดเกมการเล่นขึ้น เพื่อตอบสนอง ประยุกต์กีฬาให้สามารถเล่นในฤดูหนาวได้เขาได้เกิดแนวความคิดที่จะนำลักษณะและวิธีการ เล่นของกีฬาเทนนิสมาดัดแปลงใช้เล่น จึงใช้ตาข่ายเทนนิสซึ่งระหว่างเสาโรงยิมเนเซียม สูงจากพื้นประมาณ 6 ฟุต 6 นิ้ว และใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลสูบลมให้แน่น แล้วใช้มือและแขนตีโต้ข้ามตาข่ายกันไปมา แต่เนื่องจากยางในของลูกบาสเกตบอลเบาเกินไป ทำให้ลูกบอลเคลื่อนที่ช้าและทิศทางที่เคลื่อนไปไม่แน่นอน จึงเปลี่ยนมาใช้ลูกบาสเกตบอล แต่ลูกบาสเกตบอลก็ใหญ่ หนักและแข็งเกินไป ทำให้มือของผู้เล่นได้รับบาดเจ็บจนในที่สุดเขาจึงให้บริษัท A.G. Spalding and Brother Company ผลิตลูกบอลที่ หุ้มด้วยหนังและบุด้วย ยาง มีเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว มีน้ำหนัก 8-12 ออนซ์ หลังจากทดลองเล่นแล้ว เขาจึงชื่อเกมการเล่นนี้ว่า "มินโตเนต" (Mintonette)  


 ปี ค.ศ. 1896 มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ ( Spring-field College) นายวิลเลียม จี มอร์แกน ได้สาธิตวิธีการเล่นต่อหน้าที่ประชุมซึ่งศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด (Alfred T. Helstead) ได้เสนอแนะให้มอร์แกนเปลี่ยนจากมินโตเนต (Mintonette) เป็น "วอลเลย์บอล"(Volleyball) โดยศาสตราจารย์อัลเฟรดให้ความเห็นว่าเป็นวิธีการเล่นโต้ลูกบอลให้ลอยข้ามตาข่ายไปมาในอากาศ โดยผู้เล่นพยายามไม่ให้ลูกบอล ตกพื้น ต่อมากีฬาวอลเลย์บอลได้แพร่หลายและเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ประชาชนชาวอเมริกันเป็นอย่างมากปี ค.ศ. 1928 ดอกเตอร์ จอร์จ เจ ฟิเชอร์ (Dr. George J. Fisher) ได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกติกาการเล่นวอลเลย์บอล เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลในระดับชาติ และได้เผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอลจนได้รับสมญานามว่า บิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล


ประวัติของกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย




กีฬาวอลเลย์บอลได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานแน่ชัด   แต่สันนิษฐานว่าระยะแรกๆเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ชาวจีนและชาวญวน  จนมีการจัดการแข่งขันกันระหว่างชุมชน สโมสรและสมาคมมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒เป็นต้นมา
          ปี พ.ศ.๒๔๗๗ กรมพลศึกษาได้จัดพิมพ์กติกาวอลเลย์บอลขึ้นโดย  "อาจารย์นพคุณ พงษ์สุวรรณ" เป็นผู้แปลและท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในกีฬาวอลเลย์บอลเป็นอย่างยิ่ง   จึงได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเล่น  ตลอดจนกติกาการแข่งขันวอลเลย์บอล  แก่บรรดาครูพลศึกษาทั่วประเทศในโอกาสที่กระทรวงศึกษาได้เปิดอบรมขึ้น และในปีนี้เองกรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปี และบรรจุกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเข้าไว้ในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก  โดยใช้กติกาการเล่นระบบ ๙ คน  พร้อมทั้งในหลักสูตรของโรงเรียนพลศึกษากลางได้กำหนดวิชาบังคับให้นักเรียนหญิงเรียนวิชาวอลเลย์บอลและเนตบอล  สมัยนั้นมี "น.อ.หลวงศุภชลาศัย ร.น."  ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา  และตั้งแต่นั้นกีฬาวอลเลย์บอลก็ถูกพัฒนามาโดยตลอด





ปี พ.ศ ๒๕๐๐  ประเทศไทยได้จัดตั้งสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลขึ้นโดยมี  "พลเอกสุรจิตร  จารุเศรณี"  เป็นนายกสมาคมคนแรก  เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๐  และได้รับชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า  "สมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย"          
 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอลให้เจริญรุดหน้าและดำเนินการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลในระบบ คน     มีหน่วยราชการอื่นๆจัดการแข่งขันประจำปีเช่น  กรมพลศึกษา  กรมการคณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัย  เทศบาลนครกรุงเทพฯ        สภากีฬาทหาร ตลอดจนการแข่งขันกีฬาเขตแห่งประเทศไทยได้มีการจัดแข่งขันทั้งประเภททีมชายและทีมหญิงประจำปีทุกปี
        ปัจจุบันกีฬาวอลเลย์บอลได้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยและตามหน่วยงานต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดการแข่งขันมากมายหลายรายการ  เป็นประจำทุกปีโดยการดำเนินงานของสมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยและหน่วยงานอื่นๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี


ลักษณะการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล



วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่มีลูกอัดด้วยลมเป็นอุปกรณ์ในการเล่น  และเล่นในพื้นที่ซึ่งถูกแบ่งครึ่งด้วยตาข่าย  โดยมีลักษณะการเล่นทั่วๆไปดังนี้
                1.จุดมุ่งหมายการเล่น  วอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายตั้งแต่ศรีษะจนถึงเท้าเล่นลูกบอล  ซึ่งอาจตี  ตบ  ต่อยให้ลูกบอลไปตกในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามและในขณะเดียวกันต้องพยายามรักษาพื้นที่ไม่ให้ลูกบอลตกในแดนของตนด้วย
                2.ผู้เล่น  การเล่นครั้งหนึ่งๆ โดยทั่วไปจะมีผู้เล่นฝ่ายละ  6 คน มีผู้เล่นสำรองอยู่นอกสนามอีกฝ่ายลำไม่เกิน 6 คน  ซึ่งจะเปลี่ยนเข้าไปเล่นกันได้ตามกติกาการเปลี่ยนตัวผู้เล่นปัจจุบันมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีการจัดการแข่งขันประเภทต่างๆซึ่งช่วยส่งเสริมให้กีฬาวอลเลย์บอลพัฒนาการเล่นมากยิ่งขึ้น  ดังนั้นผู้เล่นอาจจะมีฝ่ายหนึ่งน้อยกว่า 6 คน ก็ได้
                3.สถานที่ใช้เล่น  สนามที่ใช้เล่นมีขนาด   กว้าง 9 เมตร  ยาว 18 เมตร มีตาข่ายกั้นกลางสนาม  ผู้ชายใช้ตาข่ายสูง 2.43 เมตร ผู้หญิงใช้ตาข่ายสูง 2.24 เมตร  สำหรับความสูงของตาข่ายนี้อาจจะลดลงมาได้อีก   ตามที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจะกำหนดตามความเหมาะสม
                4.การเล่น  การเล่นเริ่มด้วยทีมที่ชนะการเสี่ยงอาจจะเลือกเสริฟ์หรือเลือกแดนหรือเลือกรับลูกเสริฟ์อย่างใดอย่างหนึ่ง  การเสริฟ์จะต้องเสริฟ์ภายในเขตเสริฟ์ให้ลูกข้ามตาข่ายไปยังฝ่ายรับ  จากนั้นทั้งสองฝ่ายต้องพยายามโต้ลูกกลับไปมา  โค้ชอาจจะขอเวลานอกหรือขอเปลี่ยนตัวผู้เล่น  การเล่นจะดำเนินต่อไปตามกติกา
                5.การได้คะแนน  ถ้าทีมใดที่ไม่สามารถรับลูกบอลที่ข้ามตาข่ายมาได้ตามกติกาหรือเล่นผิดกติกา  ผลที่ตามมาคือทีมนั้นเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกส่วนทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายชนะการเล่นลูกและคะแนน  ซึ่งถ้าทีมตรงข้ามเป็นฝ่ายเสริฟ์ก็จะได้เสริฟ์ต่อไป  แต่ถ้าเป็นฝ่ายรับลูกเสริฟ์จะได้สิทธิทำการเสริฟ์และได้คะแนน  การได้คะแนนจะได้ครั้งละ 1 คะแนน
                6.การแพ้ชนะ  ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนก่อนและมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน จะเป็นทีมที่ชนะการแข่งขันในเซตนั้น  แต่ถ้าทำได้ 25 คะแนนเท่ากันจะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง  2 คะแนน  เช่น 26-24 , 27-25  เป็นต้น                  ในกรณีที่ได้เซตเท่ากัน 2:2 การแข่งขันเซตตัดสิน (เซตที่ 5 ) จะแข่งขันกันเพียง 15 คะแนน และทีมที่ชนะการแข่งขันต้องมีคะแนนนำอีกทีมหนึ่งอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน แต่ถ้าทำได้ 14 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันกันต่อไปจนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะทำคะแนนนำอีกทีมหนึ่ง 2 คะแนน เช่น 16-14 , 17-15 เป็นต้น เมื่อเล่นชนะกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต (แล้วแต่จะกำหนดกันก่อนการแข่งขันว่าจะแข่งขันกัน 2 ใน 3 หรือ 3 ใน 5 เซต ) ก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ

การตีลูกบอลเลย์บอน




การฝึกวอลเลย์บอลสำหรับผู้หัดเล่นใหม่ ๆ นั้นจะต้องเริ่มจากง่ายไปยาก เพื่อผู้ฝึกเล่นใหม่จะได้มีความ
สามารถในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี การฝึกขั้นพื้นฐานจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับนักกีฬาที่ปรารถนาจะเป็น
นักกีฬาที่มีความสามารถในการเล่นเกม การฝึกจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยสมบูรณ์ ซึ่งมีลำดับการฝึกอยู่
3 ขั้นตอน
1. การเตรียมตัวก่อนเล่น
2. การฝึกทักษะเบื้องต้น
3. การฝึกเป็นทีม
การเตรียมตัวก่อนเล่น
การเตรียมตัวก่อนเล่น (Warm up) ผู้เล่นจำเป็นต้องอบอุ่นร่างกายก่อน
เพื่อให้เกิดความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนจะเล่นลูกบอล โดยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของ
ร่างกายรู้ตัวก่อนมีการยืดหยุ่นพอประมาณ การเคลื่อนไหวของเท้า (Foot Work) เป็นรากฐานที่
ช่วยรักษาความมั่นคงในการทรงตัวมีความสำคัญในการเล่นวอลเลย์บอลมาก
วิธีปฏิบัติ ไปทางซ้าย
1. ยืนให้เท้าทั้งสองข้องขนานกัน ย่อเข่าและก้มตัวลงไปข้างหน้าเล็กน้อย
2. ก้าวเท้าซ้ายไปทางซ้ายของลำตัวด้านข้าง 1 ก้าว ก้าวเท้าขวาชิดเท้าซ้ายใน จังหวะเดียวกัน ก้าวเท้าซ้าย
ออกไปอีกหนึ่งก้าว
3. ทำซ้ำ ข้อ 2 ไปเรื่อย ๆ
วิธีปฏิบัติ ไปทางขวา
วิธีปฏิบัติเช่นเดียวกับไปทางซ้าย แก่ให้ก้าวเท้าไปทางขวาแทน
วิธีปฏิบัติ ไปข้างหน้า
1. ยืนให้เท้าใดเท้าหนึ่งอยู่ข้างหน้า เท้าทั้งสองห่างกันพอสบาย ย่อเข่าและก้มลำตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
2. ก้าวเท้าหน้าไปข้างหลัง 1 ก้าว ก้าวเท้าหลังชิดเท้าหน้า (โดยให้ปลายเท้าหลังแตะส้นเท้าหน้า ใน
จังหวะเดียวกันก้าวเท้าหน้าไปข้างหน้าอีก 1 ก้าว
วิธีปฏิบัติ ไปข้างหลัง
วิธีปฏิบัติเช่นเดียวกับไปข้างหน้า แต่ให้ถอนเท้าไปข้างหลังแทน (โดยให้ส้นเท้าหน้าแตะปลายเท้าหลัง)
ข้อแนะนำ การก้าวเท้าหนึ่งชิดอีกเท้าหนึ่งต้องทำอย่างรวดเร็วในลักษณะสืบเท้าตาย
การบริหารร่างกายก่อนการฝึกซ้อมกีฬาวอลเลย์บอลเพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความอดทน สามารถทำได้
หลายวิธี เช่น
ลำดับของการบริหารร่างกาย (ตัวอย่างสำหรับผู้เล่นชาย)
1. วิ่งโยกตัวสลับเท้าซ้าย-ขวา
2. ย่อและกระโดดขึ้น
3. ก้าวด้านหน้าไปทางซ้าย
4. ม้วนตัวไปทางซ้าย
5. ย่อและกระโดดหมุนตัว
6. ก้าวด้านข้างไปทางขวา
7. ม้วนตัวไปทางขวา
8. กระโดดเข่าตีอก 3 ครั้ง
9. กลับหลังหันพุ่งตัว
10. กระโดดเท้าชิด และเท้าแยก สลับกันไปข้างหน้า 5 ครั้ง
11. ก้มถอยหลังใช้นิ้วมือแตะพื้นระยะทางประมาณ 3 เมตร
12. นอนหงาย
13. กระโดดมือแตะปลายเท้า
14. นอนคว่ำ
15. กระโดดแอ่นหลัง
16. พุ่งไปด้านหน้า
17. กระโดดสลับฟันปลา 2 เท้า ถอยหลัง 6 ครั้ง
18. กระโดดกระต่าย 5 ครั้ง
19. ม้วนหลัง 2 ครั้ง
20. ทำล้อเกวียนไปทางซ้าย
21. พุ่งไปทางซ้าย
22. ทำล้อเกวียนไปทางขวา
23. พุ่งไปทางขวา
ทั้ง 23 รายการดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 35-50 นาที ติดต่อกัน
การบริหารร่างการก่อนเลิก
1. วิ่งธรรมดา
2. วิ่งเหยาะ ๆ
3. ขยับให้เส้นสายหย่อน
4. บริหารให้กล้ามเนื้อคลายความตรึงเครียด
5. บริหารโดยการหายใจเข้าออกให้สัมพันธ์กับท่าที่บริหาร



การฝึกเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับลูกวอลเลย์บอล เพื่อให้ประสาทตาและร่างกายส่วนที่จะใช้สัมผัสกับ
ลูกบอล ให้เกิดความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าลูกบอลจะอยู่ในลักษณะใดก็ตามที่เราสามารถ
ที่จะเคลื่อนตัวไปยังจุดที่ลูกบอลจะตกลงได้และสามารถที่จะใช้มือบังคับให้ไปในทิศทางที่ต้องการโดยที่
ไม่ผิดกติกา
วิธีปฏิบัติ ท่านั่ง
1. ให้ลูกบอลอยู่ระหว่างขาแล้วยกขาขึ้นเป็นรูปตัว "วี" หมุนขาไปรอบ ๆ
2.ให้ลูกบอลอยู่ระหว่างขาแล้วก้มให้ศรีษะแตะพื้น พ้นคอกับคาง กลิ้งม้วนตัวไปข้างหน้า
3. นอนราบกับพื้นให้ลูกบอลอยู่ในระหว่างขาใช้ขาหนีบบอลยกมาแตะศรีษะ
4. นอนราบมือจับลูกบอล กลิ้งไปข้าง ๆ
5. นั่งส่งลูกบอลด้วยเท้า
6. นั่งขวางลูกบอล ส่งลูกบอลระดับอก ขว้างลูกบอลข้ามตัว
7. นั่งเลี้ยงลูกบอลลอดขาตัวเอง
วิธีปฏิบัติ ท่ายืน
1. ส่งลูกบอลหมุนรอบขาให้เป็นเลข 8
2. ส่งลูกบอลรอบตัวให้เป็นวงกลม
3. ขว้างลูกบอลไปข้างหลังโดยผ่านช่องขาข้างล่าง
4. กระโดดโดยมีลูกบอลอยู่ระหว่างขา
5. จับลูกใต้ขาสลับกัน
6. จับลูกใต้ขาขณะก้าวเดิน
7. ส่งลูกบอลลอดขาไปข้างหลังให้ลูกบอลข้ามศรีษะตัวเอง
วิธีปฏิบัติ การเปลี่ยนตำแหน่งและท่าทางต่าง ๆ ของผู้ฝึก
1. กลิ้งลูกบอลไปทาง ซ้าย ขวา หน้า หลัง ระหว่างขา
2. เคลื่อนที่เป็นจังหวะโดยกระโดดหรือสืบเท้าไปข้างซ้าย ข้างขวา แล้วกลิ้งตัว
3. ใช้มือเดียวโยนลูกบอลขึ้นแล้วจับลูกบอล
4. ใช้มือตีลูกบอลทางด้านข้าง (สันมือ) คล้ายตีเทนนิส ทั้งมือซ้ายและมือขวา
5. วิ่งใช้มือเลี้ยงลูก (เคาะลูกบอล)
6. ใช้หัวโหม่งลูกบอลแล้วพุ่งตัวลง (หมอบลง)
การฝึกความคล่องตัวในการเล่นวอลเลย์บอลของนักกีฬานั้นจะเป็นเครื่องช่วยให้นักกีฬามีความเหมาะสม
ที่จะเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถได้เป็นอย่างดี
การส่งลูกบอล
1. ส่งลูกด้วยมือล่าง
2. ส่งลูกด้วยมือบน หรือการส่งลูกผ่าน
3. การเสิร์ฟ
การรับลูกบอล
1.รับลูกบอลจากการรุกของคู่ต่อสู้ (ตบหรือหยอด)
2. การรับลูกเสิร์ฟ
3. การสกัดกั้นลูกบอล
การตบลูก
1. ตบลูกเป็นมุมแหลมลงในแดนคู่ต่อสู้
2. ตบลูกเพื่อส่งลูกข้ามตาข่าย 

กฎกติกาในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล



การแข่งขัน

            ใช้การเสี่ยงเลือกเสิร์ฟหรือเลือกแดน ก่อนแข่งให้วอร์มที่ตาข่าย 3 ถึง 5 นาที ถ้าทั้ง 2 ทีม ตกลงวอร์มพร้อมกันให้วอร์มที่ตาข่ายได้ 6 - 10 นาที

ตำแหน่งของผู้เล่น

            ในขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นแต่ละคนต้องอยู่ในแดนของตน ผู้เล่นแถวหน้า 3 คน แถวหลังแต่ละคนจะต้องอยู่ด้านหลังของคู่ของตนทีเป็นผู้เล่นแถวหน้า การเล่นผิดตำแหน่งจะเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น การหมุนตำแหน่งต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา

การเปลี่ยนตัวผู้เล่น            เปลี่ยนตัวได้มากสุด 6 คนต่อเซต แต่ละครั้งจะเปลี่ยนกี่คนก็ได้ ผู้ที่เริ่มเล่นในเซตนั้น จะเปลี่ยนตัวออกได้ 1 ครั้งและกลับเข้ามาเล่นได้อีก 1 ครั้ง ในตำแหน่งเดิม ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนตัวเข้าไปเล่นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้เปลี่ยนเข้ามาต้องเป็นผู้เล่นคนเดิม

การเล่นลูกบอล

            ผู้เล่นสามารถที่จะนำลูกบอลจากนอกเขตสนามกลับเข้ามาเล่นต่อได้ ทีมหนึ่งสามารถถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง ยกเว้นเมื่อทำการบล็อก (ได้ 4 ครั้ง) ผู้เล่นหนึ่งคนจะถูกลูกบอล 2 ครั้ง ติดต่อกันไม่ได้ ยกเว้นการบล็อกถ้าผู้เล่นถูกลูกพร้อมกัน 3 คน ก็ถือว่าถูก 3 ครั้ง ถ้าถูกพร้อมกันเหนือตาข่ายก็จะไม่นับ ถ้าลูกบอลออกถือว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทำออก ถ้ายึดลูกบอลเหนือตาข่ายจะต้องเล่นใหม่ ลูกบอลที่ชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3ครั้ง ตามกำหนดยกเว้นการเสิร์ฟ

การเสิร์ฟ

            จะเสิร์ฟโดยผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งหลังขวาที่อยู่ในเขตเสิร์ฟ การกำหนดทีมที่จะเสิร์ฟ ลูกแรกในเซตที่ 1 และ 5 โดยการเสี่ยง ต้องเสิร์ฟตามลำดับที่บันทึกไว้ เมื่อโยนออกไปเพื่อเสิร์ฟแล้ว ต้องใช้มือหรือส่วนใดของแขนข้างเดียว กระโดดเสิร์ฟได้ ต้องเสิร์ฟลูกภายใน 5 วินาที หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีด ถ้าเสิร์ฟพลาดไม่ถูกลูก ผู้ตัดสินจะให้เสิร์ฟใหม่ภายใน 3 นาที

การเปลี่ยนแดน

            เมื่อเสร็จแต่ละเซตทั้ง 2 ทีมจะต้องเปลี่ยนแดนยกเว้นเซตตัดสิน เซตตัดสินทีมใดได้ 8 คะแนน ให้เปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นเป็นตามเดิม

ข้อห้ามของผู้เล่น            ห้ามมิให้ผู้เล่นสวมเครื่องประดับที่เป็นโลหะของแข็งในระหว่างการแข่งขันทุกชนิด

มารยาทของผู้เล่น            ผู้เล่นต้องยอมรับผลการแข่งขัน สุภาพอ่อนโยนต่อผู้ตัดสินและฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรแสดงท่าทางและทัศนะคติที่ไม่ดีระหว่างแข่งขันหรือแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ไม่เป็นการสุภาพต่อผู้อื่น